องค์กรคิดบวกมีแต่เดินหน้าไม่มีถอยหลัง

คิดบวกเป็นสิ่งที่เราได้ยินกันมานานหลายปีแล้วและหลายๆ องค์กรก็พยายามนำเข้ามาใช้ให้เป็นองค์กรคิดบวก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างองค์กรคิดบวกได้เพราะหลากหลายเหตุผล ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่ทำให้องค์กรยังไม่สามารถเป็นองค์กรคิดบวกได้นั้นมาจากกับดักของตัวผู้บริหารเองที่คิดว่า “ยากที่จะเป็นไปได้” อยากให้องค์กรคิดบวกผู้นำต้องคิดบวกก่อน ต้องเชื่อว่า “เป็นไปได้”

เริ่มต้นคิดบวกง่ายๆ กับการคิดบวก 3 ระดับ

1 คิดบวกกับตนเอง

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเลือกรับข่าวสาร ฟัง ดู แต่สิ่งที่ดีๆ ลดการเสพข่าวสารในเชิงลบ เพราะการรับข่าวสารแต่ด้านลบๆ นานๆ เข้าเราก็จะคิดลบตามโดยไม่รู้ตัว

ในขณะที่การรับข่าวสารดีๆ ชีวิตเราจะสดชื่น ซึมซับแต่เรื่องราวดีๆ วิธีคิดดีๆ เข้ามา เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คนบนโลกใบนี้เป็นคนคิดบวกเสมอแม้ชีวิตจะเจอกับเรื่องไม่บวกก็ตาม เช่น แจ็ค หม่า ที่ไม่เคยคิดยอมแพ้ต่ออุปสรรค และคิดบวกเสมอว่าต้องทำได้

ในส่วนของการทำงานนั้นที่สามารถนำการคิดบวกมาใช้ได้เห็นผลชัดเจนที่สุดก็คือ “การมีเป้าหมายของงาน และเชื่อมั่นในเป้าหมายนั้น” อย่าคิดว่า จะทำได้หรือ, ยากเกินไปหรือเปล่า, ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ฯลฯ การคิดแบบนี้อาจดูไม่ใช่การคิดลบ แต่ถ้ามองดีๆ ก็คือการบั่นทอนกำลังใจตัวเองเช่นกัน ยิ่งถ้าหากผู้นำหรือหัวหน้างานเป็นคนพูดด้วยแล้ว ความเชื่อมั่นในเป้าหมายของลูกน้องก็จะสั่นคลอนตามไปด้วยดังคำที่ว่า “คิดอย่างไร ได้อย่างนั้น”

งานต้องมีเป้าหมาย และการคิดบวกจะทำให้ทีมงานมีพลังในการคิดและลงมือทำไม่กลัวว่าอุปสรรคจะหยุดความสำเร็จได้ เมื่อทีมงานได้ทดลองใช้แนวทางคิดบวกนี้กับงานได้สำเร็จแล้ว การชวนให้คนในทีมคิดบวกก็จะง่ายขึ้น

2 คิดบวกกับคนอื่น

เราคิดกับคนอื่นอย่างไรเขาก็จะเป็นกับเราอย่างนั้นเป็นเรื่องพื้นฐาน เพราะเมื่อเราคิด พูด ทำดีกับใคร เขาก็จะบันทึกความรู้สึกดีๆ ลงไปในจิตใต้สำนึก ในขณะที่หากเรา คิด พูด ทำ หรือแสดงออกกับใครไม่ดีเขาก็จะจดจำเราในแบบไม่ดีเช่นกัน

ในแง่ของการทำงานนั้น หัวหน้างานสามารถนำไปหรับใช้ได้หลายกรณี เช่น เมื่อลูกน้องทำงานผิดพลาด อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ตำหนิดุว่าทันที แต่ให้หยุดคิดก่อนว่า ถ้าหากเราเป็นเขา อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา เราจะคิด ตัดสินใจ แบบเขาไหม หรือเราจะทำได้แย่ยิ่งกว่าเขา อย่าเพิ่งเอาคำว่า “ผิดพลาด” มาเป็นตัวกำหนดว่า คนๆ นี้ต้องโดนตำหนิอย่างรุนแรง

3 คิดบวกกับสังคม

การคิดบวกก็เหมือนการทำดี ที่ต้องคิดบวกต่อตัวเอง ต่อคนอื่น และต่อสังคมด้วย เพื่อให้เกิดการคิดบวกที่ส่งต่อถึงกันได้อย่างทั่วถึง มีแต่การหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้ต่อกัน

หัวหน้างานสามารถส่งต่อความคิดบวกนี้แก่สังคงเล็กๆ ได้โดยเริ่มต้นที่การคิดบวกต่อองค์กรก่อน เพื่อให้คนองค์กรได้รู้ว่าการคิดบวกเมื่อรวมพลังกันแล้วสามารถกลายเป็นพลังที่มีความมหัศจรรย์สามารถนำสิ่งดีๆ มาให้องค์กรได้อย่างไม่น่าเชื่อ

การคิดบวกไม่ใช่แค่เรื่องดีๆ ที่เราจะส่งต่อให้คนอื่น แต่การคิดบวกไม่ว่าจะเป็นต่อคนอื่นหรือต่อสังคม คนที่จะได้รับผลดีอย่างชัดเจนก็คือตัวเราเอง แม้ว่าคนอื่นอาจยังไม่เข้าใจ แต่ที่แน่เราในฐานะที่เป็นคนคิดบวกจะไม่รู้สึกแย่กับอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางง่ายๆ

อภิรดี สนธิชัย